เทคนิคการเลือกทานอาหารในช่วงออกกำลังกายลดพุง
เรื่องการลดน้ำหนักหรือลดพุงเนี่ย เป็นสิ่งที่คู่กันเลยก็ว่าได้ หันไปทางไหนก็มีแต่คนบอกว่า อ้วนแล้วตัวจะแตก จะเริ่มลดน้ำหนักแล้วนะ !
แต่การลดน้ำหนักหรือลดพุงที่ได้ผลดีมากที่สุด จะต้องควบคุมทั้งเรื่องของการออกกำลังกาย และควบคุมการรับประทานอาหารคู่กันไป โดยการออกกำลังกาย จะต้องออกให้มากกว่าที่รับประทานเข้าไป เพื่อที่จะดึงพลังงานสะสม หรือไขมันส่วนเกินออกมาใช้งานให้หมด
เมื่อร่างกายรับเข้าน้อยกว่าใช้ออก ก็จะทำให้ไขมันสะสมลดลงเรื่อยๆ และในที่สุดร่างกายของเราก็จะผอมไปเอง (ฮ่าๆ) แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีคนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ล้มเหลวในเรื่องของการลดน้ำหนัก เพราะออกกำลังกายเท่าไหร่ ก็น้ำหนักไม่ลงสักทีจนท้อแท้ ล้มเลิกความตั้งใจไปกลางคัน
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ทำไมออกกำลังกายแล้ว น้ำหนักไม่ลง … จากสถิติที่ได้สอบถามมาค่อนข้างเยอะ พบว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะ ! คุณไม่ได้ควบคุมเรื่องการรับประทานอาหารนั้นเอง !
วันนี้เรามาศึกษาไปพร้อมกันเลยว่า นอกจากใช้งานเครื่องออกกำลังกาย เผาผลาญพลังงานแล้ว เรื่องของการเลือกรับประทานอาหาร จะต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะทำให้การลดน้ำหนักของเราเห็นผลมากที่สุด เริ่มจาก …
สิ่งสำคัญเลยสำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักหรือลดพุง คือห้ามอดอาหาร ! เด็ดขาด ! เพราะเชื่อว่าหลายคนชอบคิดกันว่า ไม่กิน แล้วออกกำลังกาย จะน้ำหนักลดลงไวมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆ ! ขอเตือนเลยว่าห้ามทำ
เพราะยิ่งเราอดอาหาร ร่างกายของเราจะยิ่งสงวนไขมันเก็บเอาไว้มากกว่าเดิม ! เผาผลาญยากกว่าเดิม ตรงกันข้ามกับที่เราคิดกันเลยใช่ไหมล่ะ เพราะการอดอาหาร ทำให้ร่างกายสูญเสียระบบการเผาผลาญ กลายเป็นว่า กินนิดเดียวก็อ้วนเผละได้เลย
กล้ามเนื้อที่เป็นตัวเผาผลาญพลังงานชั้นเยี่ยม ก็จะถูกทำลายทิ้ง กลายเป็นไขมันเข้ามาแทรกแซง ยิ่งทำให้การออกกำลังกายเท่าไหร่ ก็เผาผลาญได้น้อยลง แถมยังอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บ ถึงขั้นป่วยได้เลย
การพลางตาตัวเอง คือ ให้ใช้ภาชนะในการใส่อาหารให้มีขนาดเล็กลงมากกว่าเดิม เหมือนกับการหลอกตัวเอง ว่ากินหมด 1 จานเต็มๆแล้วนะ สมควรหยุดและพอได้แล้ว ! แต่จริงๆแล้วเรากินในปริมาณที่น้อยลงกว่าเดิม เป็นการใช้หลักจิตวิทยากัตัวเองอีกทางหนึ่ง ซึ่งได้ผลมากๆ !
เลิกสะนิสัยเสียดายของเหลือ หรือจะเลือกเลิกลดน้ำหนักเสียเถอะ ! เพราะหากเสียดายของจนกินไปหมดทุกอย่าง แบบนี้ออกกำลังกายเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่ลง แถมเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ค่ะ อาจจะฟังดูแรงไป แต่มันก็คือความจริงค่ะ !
อาหารเช้าเนี่ย เป็นสิ่งที่มีคามสำคัญมาก ห้ามอด ! เพราะเราจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเข้าสู่ร่างกาย เพื่อใช้งานตลอดทั้งวัน และการที่เราไม่ทานอาหารเช้า จะเป็นการสร้างความหิว และความต้องการอาหารมากขึ้น ในมื้อต่อๆไป
อาจจะเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อย กับการต้องเลี่ยงของอร่อยๆ ของโปรดที่เราชอบทาน … แต่หากงดได้ ก็ควรที่จะงด เพราะอาหารพวกของมัน ของทอด ของหวาน เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง กินของเค็มมาก ก็ทำให้ร่างกายบวมน้ำ หากเลี่ยงได้ ก็ควรเลี่ยงค่ะ
ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็เป็นเทคนิคที่อาจจะดูเหมือนง่ายเนอะ แต่สำหรับบางคนก็ทำยาก ตัวผู้เขียนเองก็ยอมรับว่า เป็นคนที่ออกกำลังกายแล้ว น้ำหนักลงค่อนข้างช้ามากกว่าคนอื่น เพราะไม่ค่อยคุมเรื่องทานอาหารสักเท่าไหร่ (ฮ่าๆ)
แต่ยังไงก็จะพยายาม ค่อยๆลดของหวานลงเรื่อยๆ เพราะจะให้หักดิบไปเลย กลัวว่าอาการอยากจะเพิ่มมากกว่าเดิม กลายเป็นกินเยอะขึ้นไปอีก แบบนี้สิน่ากลัวกว่า ดังนั้น ค่อยๆลด ค่อยๆปรับกันไปเนอะ อย่าไปหักโหมจนเกินไปนะคะ
แต่การลดน้ำหนักหรือลดพุงที่ได้ผลดีมากที่สุด จะต้องควบคุมทั้งเรื่องของการออกกำลังกาย และควบคุมการรับประทานอาหารคู่กันไป โดยการออกกำลังกาย จะต้องออกให้มากกว่าที่รับประทานเข้าไป เพื่อที่จะดึงพลังงานสะสม หรือไขมันส่วนเกินออกมาใช้งานให้หมด
ภาพจาก HungryForever
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ทำไมออกกำลังกายแล้ว น้ำหนักไม่ลง … จากสถิติที่ได้สอบถามมาค่อนข้างเยอะ พบว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะ ! คุณไม่ได้ควบคุมเรื่องการรับประทานอาหารนั้นเอง !
เทคนิคการเลือกรับประทานอาหารในช่วงออกกำลังกาย
วันนี้เรามาศึกษาไปพร้อมกันเลยว่า นอกจากใช้งานเครื่องออกกำลังกาย เผาผลาญพลังงานแล้ว เรื่องของการเลือกรับประทานอาหาร จะต้องทำอย่างไร เพื่อที่จะทำให้การลดน้ำหนักของเราเห็นผลมากที่สุด เริ่มจาก …
ห้ามอดอาหาร !
สิ่งสำคัญเลยสำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักหรือลดพุง คือห้ามอดอาหาร ! เด็ดขาด ! เพราะเชื่อว่าหลายคนชอบคิดกันว่า ไม่กิน แล้วออกกำลังกาย จะน้ำหนักลดลงไวมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆ ! ขอเตือนเลยว่าห้ามทำ
เพราะยิ่งเราอดอาหาร ร่างกายของเราจะยิ่งสงวนไขมันเก็บเอาไว้มากกว่าเดิม ! เผาผลาญยากกว่าเดิม ตรงกันข้ามกับที่เราคิดกันเลยใช่ไหมล่ะ เพราะการอดอาหาร ทำให้ร่างกายสูญเสียระบบการเผาผลาญ กลายเป็นว่า กินนิดเดียวก็อ้วนเผละได้เลย
กล้ามเนื้อที่เป็นตัวเผาผลาญพลังงานชั้นเยี่ยม ก็จะถูกทำลายทิ้ง กลายเป็นไขมันเข้ามาแทรกแซง ยิ่งทำให้การออกกำลังกายเท่าไหร่ ก็เผาผลาญได้น้อยลง แถมยังอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บ ถึงขั้นป่วยได้เลย
พลางตาตัวเอง
การพลางตาตัวเอง คือ ให้ใช้ภาชนะในการใส่อาหารให้มีขนาดเล็กลงมากกว่าเดิม เหมือนกับการหลอกตัวเอง ว่ากินหมด 1 จานเต็มๆแล้วนะ สมควรหยุดและพอได้แล้ว ! แต่จริงๆแล้วเรากินในปริมาณที่น้อยลงกว่าเดิม เป็นการใช้หลักจิตวิทยากัตัวเองอีกทางหนึ่ง ซึ่งได้ผลมากๆ !
ไม่เสียดายของเหลือ
เลิกสะนิสัยเสียดายของเหลือ หรือจะเลือกเลิกลดน้ำหนักเสียเถอะ ! เพราะหากเสียดายของจนกินไปหมดทุกอย่าง แบบนี้ออกกำลังกายเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่ลง แถมเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ค่ะ อาจจะฟังดูแรงไป แต่มันก็คือความจริงค่ะ !
ทานอาหารเช้าอย่างเป็นประจำ
อาหารเช้าเนี่ย เป็นสิ่งที่มีคามสำคัญมาก ห้ามอด ! เพราะเราจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเข้าสู่ร่างกาย เพื่อใช้งานตลอดทั้งวัน และการที่เราไม่ทานอาหารเช้า จะเป็นการสร้างความหิว และความต้องการอาหารมากขึ้น ในมื้อต่อๆไป
ของทอด ของมัน ของเค็ม ของหวาน ควรงด !
อาจจะเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อย กับการต้องเลี่ยงของอร่อยๆ ของโปรดที่เราชอบทาน … แต่หากงดได้ ก็ควรที่จะงด เพราะอาหารพวกของมัน ของทอด ของหวาน เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง กินของเค็มมาก ก็ทำให้ร่างกายบวมน้ำ หากเลี่ยงได้ ก็ควรเลี่ยงค่ะ
ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็เป็นเทคนิคที่อาจจะดูเหมือนง่ายเนอะ แต่สำหรับบางคนก็ทำยาก ตัวผู้เขียนเองก็ยอมรับว่า เป็นคนที่ออกกำลังกายแล้ว น้ำหนักลงค่อนข้างช้ามากกว่าคนอื่น เพราะไม่ค่อยคุมเรื่องทานอาหารสักเท่าไหร่ (ฮ่าๆ)
แต่ยังไงก็จะพยายาม ค่อยๆลดของหวานลงเรื่อยๆ เพราะจะให้หักดิบไปเลย กลัวว่าอาการอยากจะเพิ่มมากกว่าเดิม กลายเป็นกินเยอะขึ้นไปอีก แบบนี้สิน่ากลัวกว่า ดังนั้น ค่อยๆลด ค่อยๆปรับกันไปเนอะ อย่าไปหักโหมจนเกินไปนะคะ
Post a Comment