7 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ “ลู่วิ่งไฟฟ้า”
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรานั้น ไม่ใช่เงินทองที่มีมากมาย แต่หากเป็นร่างกายที่แข็งแรง ที่ถึงแม้ว่าอายุของเราจะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่ถ้าหากเราดูแลและรักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่อย่างสม่ำเสมอ ย่อมเป็นผลดีในระยะยาวค่ะ
จากเหตุผลข้างต้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนในยุคสมัยนี้ ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการวิ่ง หากเพื่อนๆได้มีโอกาศไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะต่างๆ หรืองานวิ่งมาราธอน จะพบว่ามีผู้คนที่วิ่งออกกำลังกายเป็นจำนวนมากค่ะ
แต่สำหรับใครที่อยากจะวิ่งออกกำลังกาย แต่ก็ไม่มีเวลาไปสวนสาธารณะ เลิกงานกว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว จะหาเวลาไปฟิตเนตก็ไม่ค่อยมี ดังนั้นการเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าสักเครื่องไว้ใช้งานที่บ้าน น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับใครหลายๆคน แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า เราจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลู่วิ่งไฟฟ้าแบบไหนเหมาะกับการใช้งานสำหรับเรา คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้วค่ะ !
แน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวลู่วิ่งไฟฟ้า ว่าจะสามารถใช้ได้ยาวนาน ทนทานไม่ใช่ซื้อมาใช้แล้วก็พัง นั้นก็คือแบรนด์สินค้าและตัวแทนจำหน่ายนั้นเองค่ะ เพราะนอกจากความน่าเชื่อถือแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการซ่อมบำรุงต่างๆ อะไหล่หาได้ง่ายค่ะ
สำหรับข้อนี้อาจจะยากหน่อยสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของมอเตอร์มาก่อน ดังนั้นหากต้องตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าคู่ใจไว้ใช้ออกกำลังกายที่บ้าน อาจจะต้องทำการบ้านหาข้อมูลกันก่อน จะได้ไม่รู้สึกเสียใจที่หลังว่าเลือกซื้อผิดนะคะ เพราะราคาลู่วิ่งไฟฟ้านั้นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งนั้นก็คือ น้ำหนักที่ลู่วิ่งไฟฟ้าสามารถรับได้นั้นเองค่ะ ซึ่งรายละเอียกพวกนี้จะมีอยู่ในใบคู่มืออยู่แล้ว ควรเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่สามารถรับน้ำหนักของเราได้หรือมากกว่าน้ำหนักของเราเท่านั้นนะคะ เพราะถ้าหากเราเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่รับน้ำหนักได้น้อย อาจจะเกิดเหตุการลูวิ่งหัก เป็นอันตรายต่อตัวเราเอง ดังนั้นเลือกน้ำหนักเยอะๆกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ
ทางที่ดีต้องลองขอพนักงานขึ้นไปวิ่งดูเลยก็ได้ค่ะ จะได้ทดสอบเลยว่าสามารถรับน้ำหนักของเราได้ไหม ตรวจสอบว่าเวลาวิ่งมีส่วนไหนดังผิดปกติรึเปล่า ลู่วิ่งไฟฟ้าแข็งแรงไม่โยกเยก ขณะวิ่งเครื่องไม่สั่น ไม่ขยับเคลื่อนที่เลื่อนจากตำแหน่งที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งถ้าหากวิ่งๆไปแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างที่กล่าวมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ถือว่าไม่โอเคค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 7 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ออกกำลังกันที่บ้านอย่างสะดวก เสริมสร้างสุขภาพที่ดีเพื่อตัวเองและคนที่คุณรักค่ะ ซึ่งทางผู้เขียนหวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆสามารถตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ได้ตรงตามความต้องการ และการใช้งานมายิ่งขึ้น สำหรับบทความหน้าจะมีความรู้อะไรมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีก ต้องห้ามพลาด ฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
จากเหตุผลข้างต้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนในยุคสมัยนี้ ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการวิ่ง หากเพื่อนๆได้มีโอกาศไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะต่างๆ หรืองานวิ่งมาราธอน จะพบว่ามีผู้คนที่วิ่งออกกำลังกายเป็นจำนวนมากค่ะ
image source : popsugar-assets.com
แต่สำหรับใครที่อยากจะวิ่งออกกำลังกาย แต่ก็ไม่มีเวลาไปสวนสาธารณะ เลิกงานกว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว จะหาเวลาไปฟิตเนตก็ไม่ค่อยมี ดังนั้นการเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าสักเครื่องไว้ใช้งานที่บ้าน น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับใครหลายๆคน แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า เราจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลู่วิ่งไฟฟ้าแบบไหนเหมาะกับการใช้งานสำหรับเรา คำตอบทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้วค่ะ !
1. แบรนด์ และ ตัวแทนจำหน่ายลู่วิ่งไฟฟ้า
2. การรับประกันสินค้า
แน่นอนว่าถ้าหากเราเลือกซื้อสินค้าที่มีแบรนด์และตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือแล้ว จะต้องมีการรับประกันสินค้าอย่างชัดเจน หากลู่วิ่งไฟฟ้าที่เพิ่งซื้อไปมีปัญหา ก็สามารถเคลมเครื่องใหม่ได้ หรือสามารถส่งซ่อมได้ ภายในระยะเวลาที่กำหนด3. กำลังมอเตอร์ของลู่วิ่งไฟฟ้า
ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าสักเครื่อง ก่อนอื่นเราต้องคิดก่อนว่า เราจะวิ่งหรือเราจะเดินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าหากคุณเน้นการเดินเร็วเป็นหลัก ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์ประมาณ 1.5 แรงม้าก็เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้วค่ะ แต่ถ้าหากคุณเน้นการวิ่งแบบหนักๆเลย ก็ลองมองรุ่นที่มีกำลังมอเตอร์ 2.5 แรงม้าขึ้นไปนะคะสำหรับข้อนี้อาจจะยากหน่อยสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของมอเตอร์มาก่อน ดังนั้นหากต้องตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าคู่ใจไว้ใช้ออกกำลังกายที่บ้าน อาจจะต้องทำการบ้านหาข้อมูลกันก่อน จะได้ไม่รู้สึกเสียใจที่หลังว่าเลือกซื้อผิดนะคะ เพราะราคาลู่วิ่งไฟฟ้านั้นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
4. ขนาดสายพานของลู่วิ่งไฟฟ้า
ต่อเนื่องมาจากการเลือกกำลังมอเตอร์ สายพานของลู่วิ่งไฟฟ้าทั่วไปจะมีความกว้าง 50 ซม. ยาว 150 ซม. ขึ้นไปและมีคความหนาไม่น้อยกว่า 2 มิลลิเมตร ซึ่งสเปคดังกล่าวจะเหมาะสำหรับคนที่เน้นการวิ่งเป็นหลักค่ะ แต่หากคุณคิดว่า คุณจะเน้นการเดินเร็วเป็นหลัก สายพานที่เหมาะสมจะมีความกว้าง 45 ซม. ยาว 138 ซม. หนา 1.6 มิลลิเมตร ก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ5. ความเร็วสูงสุดและการปรับระดับความชันของลู่วิ่งไฟฟ้า
เราจะต้องตรวจสอบว่าความเร็วของลู่วิ่งไฟฟ้านั้นสามารถปรับความเร็วสูงสุดได้มากเท่าใด โดยทั่วๆไปแล้วจะสามารถปรับได้มากสุดประมาณ 16 กม./ชม. และมีบางรุ่นที่มีความเร็วสูงสุดมากถึง 20 กม./ชม. สำหรับนักวิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งเราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความเร็วสูงสุดมากขนาดนั้นค่ะ ดังนั้นเราจะต้องประเมินความเร็วในการวิ่งของตัวเอง และเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีความเร็วสูงสุดมากกว่าระดับความเร็วของเราเล็กน้อยก็พอค่ะ
6. น้ำหนักที่ลู่วิ่งไฟฟ้าสามารถรับได้
ทางที่ดีต้องลองขอพนักงานขึ้นไปวิ่งดูเลยก็ได้ค่ะ จะได้ทดสอบเลยว่าสามารถรับน้ำหนักของเราได้ไหม ตรวจสอบว่าเวลาวิ่งมีส่วนไหนดังผิดปกติรึเปล่า ลู่วิ่งไฟฟ้าแข็งแรงไม่โยกเยก ขณะวิ่งเครื่องไม่สั่น ไม่ขยับเคลื่อนที่เลื่อนจากตำแหน่งที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งถ้าหากวิ่งๆไปแล้วเกิดเหตุการณ์อย่างที่กล่าวมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ถือว่าไม่โอเคค่ะ
7. ฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆ
ลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จะมีฟังก์ชันการใช้งานอื่นๆเพิ่มเติมให้ใช้งานอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อการเต้นของหัวใจ ระบบคำนวณแคลอรี่ที่เผาผลาญ บางรุ่นอาจจะมีระบบลำโพง สำหรับฟังเพลงขณะวิ่ง และระบบรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างมากสำหรับผู้วิ่งที่ยังไม่มีความชำนาญในการใช้งาน ถ้าหากมีการล้มหรือเกิดอุบัติเหตุใดๆบนลู่วิ่งไฟฟ้า ควรจะมีระบบหยุดการทำงานในทันทีเพื่อความปลอดภัยค่ะ
image source : www.pt-thailand.com
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 7 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ออกกำลังกันที่บ้านอย่างสะดวก เสริมสร้างสุขภาพที่ดีเพื่อตัวเองและคนที่คุณรักค่ะ ซึ่งทางผู้เขียนหวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆสามารถตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ได้ตรงตามความต้องการ และการใช้งานมายิ่งขึ้น สำหรับบทความหน้าจะมีความรู้อะไรมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีก ต้องห้ามพลาด ฝากติดตามผลงานกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Post a Comment