ระวัง ! อาการหน้ามืดตามัวขณะใช้เครื่องออกกำลังกาย

คนที่ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ แน่นอนว่าสุขภาพร่างกาย มีความแข็งแรงมากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพร่างกาย ที่มีกล้ามเนื้อแน่นกว่า กระชับหว่า รวมไปถึงเรื่องของข้อต่อที่มีความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวได้ดีกว่า …

ภาพจาก Women's Health

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าคนที่ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ จะไม่เคยประสบกับปัญหาด้านสุขภาพใดๆเลย โดยเฉพาะในช่วงที่เราเล่นกีฬา หรือใช้งานเครื่องออกกำลังกาย ถึงร่างกายเราจะแข็งแรงแค่ไหน เราก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ ปวดเมื่อย หรือแม้กระทั่งอาการหน้ามืดเป็นลมหมดสติ !

อาการหน้ามืดหมดสติ

อาการหน้ามือและหมดสติ มีโอกาศเกิดได้กับทุกคนที่ใช้งานเครื่องออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา โดยเฉพาะคนที่ออกกำลังกายแบบใช้ความเร็ว อย่างเช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะนอกบ้าน หรือใน Fitness ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการหน้ามืดได้เช่นกัน

แต่ปัญหานี้อาจจะพบเจอในกลุ่มคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย หรือคนที่หักโหมการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงมากกว่า แต่ในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็มีโอกาศเป็นได้เช่นกัน หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ

ดังนั้นก่อนออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา หรือเครื่องออกกำลังกายประเภทไหน ควรตรวจสอบร่างกายของคุณเองให้พร้อมก่อน เพื่อป้องกันอาการหน้ามืดเป็นลมล้มพับเอาไว้ก่อน

สาเหตุอาการหน้ามืด

อาการหน้ามืดส่วนมากเกิดจากการที่ มีปริมาณเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอที่จะส่งไปเลี้ยงที่สมอง ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงที่เราออกกำลังกาย กล้ามเนื้อต้องการเลือดและออกซิเจน ไปหล่อเลี้ยงปริมาณที่มาก บางครั้งทำให้เกิดปัญหาในการส่งไปเลี้ยงส่วนสมอง ทำให้เราเกิดความรู้สึกหน้ามืด และวิงเยนศรีษะ

ภาพจาก New Health Advisor

อาการนี้มักที่จะพบบ่อยมาก ในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเรื่องของการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด หรือความดันโลหิต นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ที่นอนน้อย ร่างกายอ่อนเพลีย แล้วไปออกกำลังกาย ก็สามารถเกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนได้เช่นกัน

ในกรณีผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ

ในกรณีที่ผู้ออกกำลังกาย มีปัญหาทางด้านสุขภาพ อยากแนะนำให้ปรึกษาแพทบ์ก่อนเลือกกิจกรรมในการออกกำลังกายเสียก่อนเพื่อความปลอดภัย และอยากให้เลือกเครื่องออกกำลังกายในบ้านแทน ไปออกกำลังนอกบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีเกิดอาการหน้ามืด หรือหมดสติ จะได้มีคนใกล้ชิดเข้ามาช่วยดูแลทันท่วงที

เทคนิคการหายใจอย่างเหมาะสมขณะใช้ “เครื่องออกกำลังกาย”

ในขณะที่เราออกกำลังกาย สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ นอกจากพวกระดับการเผาผลาญ หรือ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ก็คือ “การหายใจอย่างถูกต้อง” … เอ๊ะ!? หายใจอย่างถูกต้องคืออะไร ? ปกติแล้วเราก็หายใจกันนี่นา … แล้วที่หายใจอยู่มันไม่ถูกหรอ ? งงเด้อ !

ภาพจาก Mobiefit

จริงอยู่ที่ว่าการหายใจ เป็นเรื่องที่ร่างกายของเราทำเป็นปกติกันอยู่แล้ว แต่ในขณะที่เล่นกีฬา หรือใช้งานเครื่องออกกำลังกาย การหายใจจะมีความถี่มากขึ้น

ซึ่งหากคุณจัดการระบบการหายใจ ได้ไม่ดีพอ หรือไม่เข้าจังหวะกับการออกกำลังกาย อาจจะทำให้คุณรู้สึกหายใจไม่ออก ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับเอาก๊าซที่เป็นของเสียออกไปได้หมด และไม่สามารถนำเอาออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างเพียงพอ ซึ่งมันจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพ

การหายใจที่ไม่ถูกต้อง

การหายใจที่ไม่ถูกต้อง ในช่วงการเล่นกีฬา หรือใช้งานเครื่องออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายได้รับก๊าซคาร์บอนไดซ์ออกไซด์มากขึ้น แทนที่จะสูดออกซิเจนเข้าปอดได้มากกว่า ส่งผลให้เราหายใจหอบถี่มากขึ้น เพื่อที่จะสูดออกซิเจนเข้าร่างกาย มีอาการหอบ หรือต้องหายใจเพิ่มทางปาก และบางทีก็เกิดอาการหน้ามืด หรือวูบกันได้เลยทีเดียว

ขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายเราต้องการออกซิเจนเพื่อนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆมากยิ่งขึ้น หากมีการหายใจที่ไม่ถูกจังหวะ แล้วร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยกว่าที่ควร ย่อมส่งผลไม่ดีต่อสุขาพแน่นอน

การหายใจที่ถูกต้อง

การหายใจที่ถูกต้อง เวลาหายใจเข้าและออก ควรหายใจทางจมูก เพราะจมูกเป็นช่องทางในการหายใจของมนุษย์ มีระบบการกรองอากาศโดยธณรมชาติ ทั้งเส้นขนในจมูก และเมือกเขียว ทำให้มั่นใจได้ว่า เราสูดอากาศที่สะอาดเข้าสู่ร่างกาย

ภาพจาก GearBunch

แต่ในกรณีที่เราหายใจไม่ทัน ต้องหายใจทางปากช่วยในขณะที่เราออกกำลังกาย อาจจะสูดอากาศที่ปนเปือนฝุ่นละอองเข้าร่างกายแบบไม่ทันรู้ตัว ดังนั้นากคุณรู้สึกว่า หายใจไม่ทัน แนะนำให้ลดระดับการออกกำลังกายลง หรือหยุดชั่วคราวสักครู่ก่อนจะดีกว่า เพราะหากฝืนต่ออาจจะมีอาการหน้ามืดเป็นลมล้มพับได้เลย

หยุดพักเพื่อสูดนำออกซิเจนเข้าร่างกายให้เต็มปอด และค่อยๆผ่อนลมหายใจออกทางปาก ให้อาการดีขึ้น เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว จึงค่อยเริ่มออกกำลังกายอีกครั้ง

เสริมสมรรถภาพร่างกาย

เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความอึดให้กับร่างกาย เพื่อการออกกำลังกายให้นานมากขึ้น คุณควรเริ่มออกกำลังกายแบบคาดิโอแบบเบาๆและต่อเนื่องก่อน ดีกว่าการออกกำลังกายแบบเร่งความเร็วและหักโหม เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไปใช้งานได้อย่างเต็มที่

การออกกำลังกายแบบคาดิโอ ยังเป็นการออกกำลังกายที่ได้รับการยอมรับว่า เผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดีที่สุด ทั้งหุ่นดี และกระชับสัดส่วนร่างกายได้ทุกส่วน ทำให้สุขภาพร่างกายและสมรรถภาพดีขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการหายใจที่เหมาะสมในขณะเล่นกีฬา และใช้งานเครื่องออกกำลังกาย ที่เราควรทราบไว้เพื่อให้การออกกำลังกาย ส่งผลดีที่สุดแก่สุขภาพร่างกายของตัวเราเองได้อย่างเต็มที่มากที่สุด

ถึงเวลาปรับความหนักการใช้ “เครื่องออกกำลังกาย” เพราะอาการมันฟ้องน่ะสิ !

การออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายที่หนักหน่วง หักโหมจนเกินร่างกายจะรับไหว ผลลัพธ์จะกลับกลายเป็นสิ่งตรงกันข้าม จากที่ร่างกายควรจะแข็งแรงมากขึ้น กลายเป็นอ่อนแอลงสะงั้น !

ภาพจาก Guy Counseling

การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา หรือใช้เครื่องออกกำลังกาย Fitness ล้วนแล้วแต่สามารถช่วยเราได้ในเรื่องของสุขภาพความแข็งแรงของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยรักษารูปร่างที่กระชับ เพิ่มสมรรถภาพความอึดถึกทน ให้กับร่างกายของเรามากขึ้นอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากช้าๆ เบาๆ แค่ทำอย่างต่อเนื่อง และเป็นประจำ เช่น เราควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3-4 วันต่อสัปดาห์ วันละอย่างน้อย 30-45 นาที

โหมออกในวันเดียวไม่ได้หรือ ?

การโหมออกกำลังกายภายใน 1 วันต่ออาทิตย์ เป็นการออกกำลังกายที่เข้มข้น และได้ออกแรงอย่างเต็มที่ แต่ก็เสี่ยงที่จะเกิดอาการบาดเจ็บและบางทีอาจไปกระตุ้นให้อาการของโรคประจำตัวกำเริบได้อีกด้วย ดังนั้นควรออกกำลังกายหลายๆวัน จะปลอดภัยมากกว่าค่ะ

ภาพจาก HuffPost UK

ขีดจำกัดร่างกายอยู่ที่จุดไหน ?

แน่นอนว่าทุกคนคงทราบกันแล้วว่า การหักโหมออกกำลังกายเกินกำลังของร่างกายเราเองนั้น จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเราเอง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า ขีดจำกัดของเรากายเราอยู่ไหนไหน แบบไหนเรียกว่าเรา “หักโหม” และแบบไหนที่เรียกว่า “เต็มที่”

เพราะบางทีมันก็แยกแยะลำบากล่ะเนอะ ออกกำลังกายแบบเพลินๆ มารู้ตัวอีกทีก็เลยขีดจำกัดร่างกายไปแล้ว หรือบางทีก็แอบไม่แน่ใจว่าที่ออกกำลังกายอยู่ มันพอเหมาะพอดีกับร่างกายเราหรือยัง เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนก็มีศักยภาพแตกต่าง จึงตอบได้ไม่แน่ชัดว่าลิมิตของเราอยู่ที่เท่าใด

วิธีดูว่าออกกำลังกายหักโหมเกินไปหรือไม่ ?

วิธีการดูว่า เราออกกำลังกายหักโหมเกินไปหรือยัง? สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวคุณเองค่ะ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย หรือเครื่องอะไรมาคอยวัดตัวเรา เพียงแค่สังเกตุอาการที่แสดงออกมาของร่างกาย ในข๊ะเล่นกีฬาหรือใช้งานเครื่องออกกำลังกาย ก็สามารถตอบได้แล้วล่ะ !

• หากคุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง และดังอยู่ในอก หรือมีอาการเจ็บร่วม เป็นอาการฟ้องว่าคุณออกกำลังกายหนักเกินไป
• หากคุณหายใจไม่ทัน ต้องหายใจทางปากช่วย ทดสอบง่ายๆ คือ เราไม่สามารถพูดคุย หรือร้องเพลงในขณะออกกำลังกายได้
• รู้สึกมึนๆ หรือมีอาการหน้ามืด ถ้ามีอาการแบบนี้ให้หยุดออกกำลังกายช้าๆ แล้วนั่งลงช้าๆ เพราะเรากำลังมีอาการเลือด หรือออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ อาจจะทำให้หมดสติหรือเป็นลมได้

และนี่เป็นพิธีตรวจสอบด้วยตัวเองว่าเราออกกำลังกายมากเดินสมรรถภาพของตัวเราเองหรือไม่ ขอให้ปรับลักษณะการออกกำลังกาย หรือใช้เครื่องออกกำลังกายให้เบาลงสักหน่อย เพื่อให้เหมาะสม และค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นไปเมื่อร่างกายพร้อม แบบนี้จะดีกว่าและทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นมีสมรรถภาพสูงขึ้น ช้าๆ แต่แน่นอน

หลักการใช้ “เครื่องออกกำลังกาย” สำหรับมือใหม่

เดี๋ยวนี้เทรนด์การออกกำลังกายรักสุขภาพบอกเลยว่ามาแร๊งแรงมากๆ ใครๆก็เริ่มหันมาเล่นกีฬา หรือใช้งานเครื่องออกกำลังกายกันมากขึ้น แต่สำหรับคนที่มือใหม่หัดเล่นเครื่องออกกำลังกายเนี่ย บางทีก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ ว่าจะต้องเล่นยังไง? เล่นเครื่องออกกำลังกายแบบไหนถึงจะดี?

ภาพจาก Men's Health

หากทดลองเล่นไปมั่วๆซั่วๆ อาจจะเกิดปัญหาบางอย่างได้ บาดเจ็บบ้าง ปวดกล้ามเนื้อบ้าง ดังนั้น สำหรับมือใหม้ใช้เครื่องออกกำลังกาย แนะนำให้แวะมาอ่านเทคนิคและเคล็ดลับการออกกำลังกายอย่างถูกต้องก่อนเริ่มต้นใช้งานเครื่องออกกำลังกาย เพื่อความปลอดภัยของตัวเองกันดีกว่าเนอะ !

ปัญหาจากการใช้เครื่องออกกำลังกาย

มือใหม่กัดใช้เครื่องออกกำลังกาย หลายคนอาจจะพบปัญหากันอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆ อาจจะปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือไม่สามารถใช้งานเครื่องออกกำลังกายได้นานๆอย่างที่คาดคิดเอาไว้

ซึ่งเรื่องเหล่านี้อันที่จริงก็เป็นเรื่องปกติ เพราะร่างกายของคุณอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย ต้องใช้เวลาในการปรับตัว และพฤติกรรมให้ร่างกายเคยชินกันก่อน เพราะเมื่อก่อนเราก็นั่งๆนอนๆ กินๆ เล่นเกมส์ อยู่แค่นี้อ่ะเนอะ จู่ๆมาออกกำลังกาย ร่างกายตกใจ ก็ให้เวลาร่างกายปรับตัวกันหน่อย (ฮ่าๆ)

ก่อนเริ่มต้นออกกำลังกาย

ก่อนที่เราจะเริ่มต้นออกกำลังกาย สิ่งแรกเลยคือควรพิจารณาสภาพร่างกายของเราก่อนว่ามีความสามารถในระดับไหน พูดง่ายๆ คือ ไม่ควรฝืนสังขารจ้า ! เริ่มแรกควรเริ่มต้นอย่างช้าๆ แต่ให้ทำยอ่างต่อเนื่อง ไม่ต้องใจร้อนอะไรมากมาย

เพราะร่างกายที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ย่อมไม่สามารถรองรับการทำงานอย่างหนักได้เลยทันทีเหมือนกับที่ใจเราคิด ซึ่งอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็เกิดจากร่างกายไม่พร้อมแล้วใช้งานเครื่องออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง เพราะความใจร้อนนี่แหละ เป็นสาเหตุหลักๆเลย

บางคนนี่แบบใจร้อนมาก วันแรกก็จัดเลยออกกำลังกายรัวๆ 1 ชั่วโมงเต็มๆ แต่อันที่จริงสำหรับมือใหม่ เอาแค่ 30 นาทีก็พอแล้วววว … หรือแบ่งออกกำลังกายครั้งละ 10 นาที 3 ครั้งรวมให้ครบ 30 นาทีก็ได้
เพราะมีงานวิจัยพบว่า การออกกำลังกายแบ่งเป็นช่วง 10 นาที 3 ครั้งก็สามารถเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อได้เท่ากับการออกกำลังกายรวดเร็ว 30 นาทีเช่นกัน

ดังนั้นหากคุณเป็นมือใหม่ แบ่งเวลาให้เป็นช่วงสั้นๆกันก่อนในช่วงแรก กลังจากที่ร่างกายพฒนากล้ามเนื้อและมีความพร้อมมากพอแล้ว จึงค่อยๆเพิ่มเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้นตามลำดับ แบบนี้จะดีต่อร่างกายมากที่สุด และลดอาการบาดเจ็บได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

เครื่องออกกำลังกาย ที่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเก๊าท์

โรคเก๊าท์ หรือ โรคเก๊าท์รักตัวเองนะ (เฮ้ย! ไม่ใช่!) โรค Gout ต่างหาก ! เป็นโรคในกลุ่มอาการไขข้ออักเสบชนิดหนึ่ง เป็นหนึ่งในจอาการที่เจ็บปวดตามข้อขั้นรุนแรงที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยอาการปวดมักจะเกิดขึ้นบริเวณเท้า โดยเฉพาะตรงข้อเท้า และโคนนิ้วโป้งของเท้า เป็นจุดที่พบอาการปวดเพราะโคเก๊าท์มากที่สุด

ภาพจาก YouTube

โรคเก๊าท์พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เวลามีอาการจะเกิดความรู้สึกร้อน และบวมแดงตามข้อ ความรู้สึกเจ็บปวด บางครั้งรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถเดินลงน้ำหนักลงบนเท้าได้เลยก็มี

นับเป็นหนึ่งในอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมากอย่างหนึ่ง และยิ่งเป็นคนที่มีน้ำหนักมากความเจ็บปวดก็จะยิ่งมาก ดังนั้นหากใครที่ป่วยด้วยโรคนี้ควรหาทางลดน้ำหนักตัวลงเพื่อบรรเทาความรุนแรงของโรค ซึ่งการเลือกใช้ เครื่องออกกำลังกายลดน้ำหนัก ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้

เลือกเครื่องออกกำลังกายให้เหมาะ

แต่อย่างที่บอกว่า โรคเก๊าท์จะมีอาการปวดเท้ามากๆ ทำให้การออกกำลังกายหลายๆประเภท เป็นไปได้ยาก ดังนั้นการเลือกเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ จะต้องมีการพิจารณาให้มากกว่าคนที่มีร่างกายปกติมากเป็นพิเศษ

เพราะหากเลือกเครื่องออกกำลังกายไม่เหมาะสม จะไปกระตุ้นอาการของโรคให้กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง และรุนแรงมากกว่าเดิมได้เลย

แรงกระแทกจากการออกกำลังกาย

การออกกำลังกายส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดแรงกระแทกที่เท้า ตามข้อต่างๆแน่นอน ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคเก๊าท์จะต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าอาการของคุณจะดีขึ้น ไม่ได้ปวดอะไรมากแล้ว ก็ไม่ควรเลือกเครื่องออกกำลังกายที่มีแรงกระแทก เช่น การออกกำลังกายประเภทการวิ่ง เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อนนะคะ

แพทย์แนะนำว่า…

ส่วนใหญ่แล้วการออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ คือการว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยานออกกำลังกาย เพราะเป็นกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกายอย่างเต็มที่ โดยไม่มีแรงกระแทกมากระทบตามข้อต่อ ไม่ทำให้อาการปวดกำเริบอีกด้วยค่ะ

ที่สำคัญคือการออกกำลังกาย จะช่วยเผาผลาญพลังงานและลดน้ำหนักไปในตัว ทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงมากขึ้น น้ำหนักลด ร่างกายรับแรงกระแทกน้อยลงกว่าเดิม ซึ่งบอกเลยว่ามีแต่ผลดีแน่นอน

แต่หากคุณอยู่ในช่วงที่กำลังมีอาการปวด กำเริบอยู่ ควรงดเว้นการออกกำลังกายเอาไว้ก่อน เพราะมันอาจจะเป็นการซ้ำเติมอาการของโรค ถึงแม้ว่าเครื่องออกกำลังกายนั้นจะขึ้นชื่อว่า ไร้แรงกระแทก แต่ยังไงก็ยังไม่แน่นอนอยู่ดี ดังนั้นควรหยุดงดการออกกำลังกายทุกประเภท เพื่อรักษาตัวให้หายดีก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มกลับมาออกกำลังหลังจากอาการดีขึ้นยังไม่สายค่ะ

การใช้ “เครื่องออกกำลังกาย” ช่วงพักฟื้นจากอาการพังผืดใต้เท้า

อาการปวดบริเวณส้นเท้า หรือฝ่าเท้า หลังจากออกกำลังกาย เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยมากในกลุ่มผู้ที่ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาประเภทวิ่ง หรือออกกำลังกายผิดท่า ซึ่งหากอาการหนักมากอาจจะแทบลงน้ำหนักลงฝ่าเท้าไม่ได้เลย สร้างความเจ็บปวดและเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างมาก

ภาพจาก repubblica.it

อาการบาดเจ็บที่ฝ่าเท้า ไม่ใช่อาการที่จะหายเจ็บได้อย่างรวดเร็ว เป็นอาการที่ค่อนข้างต้องใช้เวลาในการรักษาและฟื้นตัว เดี๋ยวเป็นๆ หายๆ อาการเหล่านี้เป็นอาการของ โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ หรือ เรียกอีกอย่างว่าอาการรองช้ำ

โรคพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ

อาการเจ็บปวดที่เกิดจากการอักเสบของพังผืดบริเวณที่เกาะกับกระดูกส้นเท้า พบในผู้ที่ออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักกระแทกหนักๆ ที่ส้นเท้าเป็นประจำ พื้นรองเท้าที่รองรับไม่ดีพอ หรือโครงสร้างของเท้าผิดปกติ ก็สามารถพบอาการนี้ได้เช่นกัน

ที่พบบ่อยมากที่สุดก็เป็นผู้ที่ชอบออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาประเภทวิ่ง และมักเป็นผู้ที่วิ่งตามทางปกติมากกว่าผู้ที่วิ่งบนลู่วิ่งออกกำลังกาย

การดูแลรักษา

การรักษาพยาบาล ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดขึ้น รู้สึกปวดปุ๊ป ต้องหยุดการเคลื่อนไหวและใช้งานเท้าบริเวณที่เจ็บให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และประคบด้วยน้ำแข็งในบริเวณที่ปวดประมาณ 20 นาที และอีกวันนึงก็ให้เริ่มประคบร้อน หรือแช่เท้าในน้ำอุ่นก็ได้

อาจจะเสริมด้วยการทานยาต้านอาการอักเสบต่อเนื่องประมาณ 3 สัปดาห์ ในช่วงนี้พยายามให้เท้าที่เจ็บอยู่นิ่งๆ เคลื่อไหวให้น้อยที่สุดได้ยิ่งดี

เพราะอย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าอาการของโรคพังผืดใต้ฝ่าเท้า ไม่ใช่อาการที่หายได้ง่ายๆ หลังจากผ่านช่วงที่รู้สึกเจ็บปวดมากๆแล้ว ก็ยังต้องพักผ่อนต่อไปอีก 3-4 อาทิตย์เลยทีเดียว แต่คุณก็สามารถหากิจกรรมอื่นๆมาออกกำลังกายแทนการวิ่งได้นะ แต่ควรเป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีแรงกระแทก กระทบกระเทือนกับเท้าของเรา

ออกกำลังกายแบบไหนได้บ้าง ?

การออกกำลังกายที่อยากจะแนะนำในช่วงการพักฟื้นคือการเล่นโยคะแบบเบาๆ ประมาณ 15-30 นาที ที่ได้ทั้งเผาผลาญพลังงานส่วนเกินและได้ยืดคลายกล้ามเนื้อ อีกอย่างก็คือ พยายามยืดเอ็นร้อยหวาย โดยท่านั่งเหยียดขาใช้มือ หรือผ้าคล้องที่ปลายเท้าแล้วดึงจนรู้สึกตึงค้างไว้ 10 วินาที ทำวันละ 4-5 ครั้ง

บทสรุป

อาการพังผืดใต้ฝ่าเท้าอักเสบ จะต้องดูแลรักษาอย่างดี หากคุณมีอาการอยู่ ไม่ควรกลับไปวิ่งออกกำลังกาย หรือใช้อุปกรณ์ เครื่องออกกำลังกายใดๆที่มีแรงกระแทก เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง ควรเลือกใช้เครื่องออกกำลังกายประเภทอื่นไปก่อน ค่อยๆฟื้นฟูร่างกายไปเรื่อยๆจนหายดี แล้วจึงค่อยกลับไปออกกำลังกายดังเดิมค่ะ

เทคนิคลดแรงกระแทกสำหรับเครื่องออกกำลังกายประเภทวิ่ง

เวลาเราออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายประเภทการวิ่ง บ่อยครั้งที่หลังจากการวิ่งออกกำลังกายจะรู้สึกเจ็บหรือปวดเมื่อยตามข้อต่อต่างๆ ทั้งในจุดที่เคลื่อนไหวออกแรง และในจุดที่ต้องรองรับน้ำหนัก

ภาพจาก Flexogenix

ส่วนใหญ่แล้วอาการปวดเมื่อยจะหายไปเองตามธรรมชาติหลังจากการพักผ่อน แต่หากมีการกระทำที่รุนแรงหรือออกกำลังกายผิดท่า หนักขนาดเกิดอาการบาดเจ็บแล้ว กว่าจะหายดีก็ต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างยาวนาน

ซึ่งหากคุณเป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องของข้อเข่าข้อขาอยู่แล้ว อาการจะยิ่งแย่เข้าไปอีก อาจจะส่งผลให้เกิดอาการของโรคข้อเข่าอักเสบ บอกเลยว่าอันตรายมากๆ

สาเหตุหลักของอาการปวด ข้อเข่า ข้อขา

อาการบาดเจ็บของข้อเช่า ข้อขา สาเหตุหลักๆเลยก็มาจากการออกกำลังกายผิดท่า หรือความไม่พร้อมของร่างกายผู้ออกกำลังกายเอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ไม่ว่าจะวิ่งตามถนน ตามสวนสาธารณะ หรือวิ่งนลู่วิ่งออกกำลังกาย

ในชณะที่วิ่งส่วนข้อเข่า หัวเข่า และช่วงเอว เป็นจุดข้อต่อที่ต้องรับแรงกระแทกในการวิ่งอยู่ตลอด ยิ่งหากใครมีน้ำหนักตัวมาก ยิ่งมีแรงกระแทกเพิ่มมากขึ้น โดยการวิ่งแต่ละครั้ง ตรงช่วงข้อต่างๆ อาจจะรับแรงกระแทกอันเกิดจากการวิ่งมากถึง 3 เท่าตัว

สมมุติว่าคุณน้ำหนัก 70 กิโลกรัม การวิ่งแต่ละครั้งกระแทกลงไปทำให้ร่างกายต้องแบกรับแรงกระแทกถึง 210 กิโลกรัมเลยทีเดียว เป็นน้ำหนักที่มากโขจนต้องเอามือทาบอก ทีนี้เราพอจะเข้าใจกันแล้วเนอะว่า ทำไมหลังจากการวิ่ง จะปวดข้อเข้าข้อขากันได้ง่าย

วิธีการแก้ไขและลดการเกิดแรงกระแทก

สิ่งที่จะสามารถช่วยป้องกันอาการปวดข้อเข่าข้อขาได้เบื้องต้น คือการปรับปรุงท่าในการวิ่งให้ถูกต้อง คือ ขณะวิ่งให้ลงน้ำหนักที่ส่วนเท้าก่อน และถ่ายน้ำหนักมาที่ส่วนฝ่าเท้า จะสามารถช่วยลดแรงกระแทกได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

ปรับปรุงอุปกรณ์ในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าวิ่ง จะต้องเลือกชนิดที่มีพื้นหนา และมีการรองรับน้ำหนักได้ดี รวมถึงการเปลี่ยนสถานที่ในการวิ่ง หากเป็นพื้นแข็ง แน่นอน่าเสี่ยงต่อกรบาดเจ็บมากกว่าการวิ่งบนพื้นหญ้านุ่มๆ ที่ช่วยรับแรงกระแทกได้ถึง 40%

แต่หากว่าร่างกายหรือข้อต่อของเราเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมาแล้ว หาทางที่ดีกว่าคือ การปรับเปลี่ยนชนิดของกีฬา หรือเปลี่ยนเครื่องออกกำลังกายไปเลย เพื่อป้องกันอาการเจ็บปวดซ้ำมากขึ้น โดยเครื่องออกกำลังกายที่ไร้แรงกระแทก ก็มีให้เลือกอยู่ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นจักรยานออกกำลังกาย หรือลู่เดินวงรี

เครื่องออกกำลังกายไร้แรงกระแทกเหล่านี้ จะช่วยเซฟข้อเข่าข้อขาของคุณได้อย่างดีเยี่ยม และคุณเองก็ยังคงได้ออกกำลังกายทุกๆวันอย่างต่อเนื่องได้อย่างสบายใจจ้า

ทำความเข้าใจประเภทการออกกำลังกาย เพื่อใช้งานเครื่องออกกำลังกายอย่างเห็นผล

แน่นอนว่า การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดี และเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หากแต่การที่เราจะออกกำลังกายอย่างได้ผล หรือเห็นผลวัดได้อย่างชัดเจน เราต้องมีการวางเป้าหมาย และทำความเข้าใจกับความต้องการของตัวเองเสียก่อน

ภาพจาก Playbuzz

เพื่อที่เวลาเราออกกำลังกาย เราจะได้มีความรู้สึกว่ามันเห็นผลชัดเจนตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ และเราจะได้มีกำลังใจในการออกกำลังกายต่อไปเรื่อยๆ

แต่หากคุณออกกำลังกายโดยที่ไม่มีเป้าหมานยอย่างชัดเจน คุณอาจจะเกิดอาการท้อแท้ เริ่มไม่แน่ใจว่าการใช้เครื่องออกกำลังกายมันดีจริงหรือเปล่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆเลยที่ทำให้หลายๆคนล้มเลิกความตั้งใจในการออกกำลังกายมากที่สุด

ทำความเข้าใจตัวเองกันก่อน

ดังนั้นก่อนเริ่มต้นออกกำลังกาย หรือใช้งานเครื่องออกกำลังกายสักเครื่อง เราจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของเป้าหมายของตนเองเสียก่อน เพื่อที่จะเลือกเครื่องออกกำลังกาย หรือประเภทของกีฬาได้อย่างเหมาะสม เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด และสร้างแรงผลักดันในการออกกำลังกายต่อไป

ประเภทของจุดมุ่งหมายการออกกำลังกาย

โดยปกติทั่วไปแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของการออกกำลังกายตามจุดมุ่งหมายได้ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ …

ออกกำลังกายเพื่อคุมหรือลดน้ำหนัก

เป้าหมายหลักของคนที่เริ่มต้นออกกำลังกายส่วนใหญ่ คืออยากที่จะควบคุม หรือลดน้ำหนัก เป็นหลัก การออกกำลังกายแบบคาดิโอ จะช่วยเพิ่มระดับอัตราการเต้นของหัวใจ และเพิ่มการสูบฉีดเลือกของหัวใจได้อย่างดีที่สุด

ภาพจาก sladkorna.si

การออกกำลังกายแบบคาดิโอ หรือการแอโรบิก เพิ่มระดับการเผาผลาญใช้พลังงานส่วนเกินในร่างกายของเราได้ ลักษณะเป็นการออกกำลังกายแบบไม่หนักแต่ต่อเนื่อง อุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือ กีฬา ที่อยู่ในการออกกำลังประเภทนี้ก็เช่น การวิ่งเหยาะๆ การเต้นแอโรบิก การปั่น จักรยานออกกำลังกาย การเดิน เป็นต้น

ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง

การออกกำลังกาย เพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ เป็นการออกกำลังกายเน้นเพิ่มความสวยงามของมัดกล้าม โดยลักษณะของอุปกรณ์และกีฬาในประเภทนี้ก็เช่น การเล่นเวทเทรนนิ่ง ใช้ อุปกรณ์ฟิตเนส เน้นกล้ามเนื้อเฉพาะจุดต่างๆ

ภาพจาก ExpertBeacon

ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย

การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นด้านของการเคลื่อนไหว และความคล่องตัว เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และสามารถบำบัดอาการเจ็บปวดของร่างกายได้อีกด้วย

ภาพจาก HairAndBeautybc

การออกกำลังกายประเภทนี้ จะเป็นพวกการเล่นโยคะ การรำมวยจีน หรือการใช้อุปกรณ์ประเภท ค่อยๆบิด ค่อยๆดัด ค่อยๆดึง

ที่กล่าวมาเป็นเพียง 3 ประเภทหลักๆ ของการออกกำลังกาย ที่ส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักจะตั้งเป้าหมายกันโดยทั่วไป เพื่อที่จะเลือกการใช้งานเครื่องออกกำลังกาย หรือเลือกประเภทของกีฬาอย่างเหมาะสม แล้วคุณล่ะ อยากจะออกกำลังกายเพื่อเป้าหมายอะไร ? ไหนมาแชร์กันหน่อยซี่ !

วิธีบรรเทาอาการเจ็บข้อเท้า กับ การเลือกใช้เครื่องออกกำลังกายฟื้นฟูสภาพอย่างถูกต้อง

อาการข้อเท้าแพลง สามารถเกิดได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป อาจจะเกิดจากการเดินผิดท่า ใส่รองเท้าส้นสูงเกิดพลิกล้ม หรือเกิดจากการออกกำลังกายแทบจะทุกประเภท ที่มีเปอร์เซ็นการเกิดอาการบาดเจ็บโดยเฉพาะเรื่องของข้อเท้าแพลง ข้อเท้าพลิกค่อนข้างสูง

ภาพจาก blesk.cz

การใช้งานเครื่องออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬา หากคุณใช้งานอย่างไม่ระวัง หรือใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง อาจเกิดอาการเจ็บปวดข้อเข่า และข้อเท้าอย่างแน่นอน ยิ่งในคนที่มีน้ำหนักมาก จะยิ่งเสี่ยงต่ออาการเจ็บปวดมากกว่า เนื่องจากร่างกายจะมีแรงกระแทกจากการใช้งานเครื่องออกกำลังกาย

ความรุนแรงของอาการเจ็บข้อ

โดยทั่วไปแล้ว ความรุนแรงของอาการเจ็บข้อเข่า ข้อขา สามารถแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ โดยแบ่งจากความนหักเบาของอาการปวด เริ่มจากระดับแรก…

ระดับที่ไม่รุนแรง

ระดับที่ไม่รุนแรง เป็นอาการปวดที่เกิดจากเส้นเอ็นหรือเนื้อเยื่อรอบๆเท้ามีควมตึง เนื่องจากถูกแรงดุงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวแรงเกินไป แต่ไม่ได้มีอาการฉีกขาดของเนื้อเยื่อหรือเส้นเอ็นนะ อาการจะปวดบวมเล็กน้อย ไม่มากเท่าไหร่

ระดับปานกลาง

อาการระดับปานกลาง จะมีการฉีดขาดเสียหายของเส้นเอ็นหรือเนื้อเยื่อรอบๆเท้า บ้างเป็นบางส่วน ส่วนมากพบการบาดเจ็บที่ด้านข้างส่วนนอกของเท้าข้างๆ ตาตุ่ม มีอาการบวม อันเกิดจากเลือดคั่ง

ระดับรุนแรง

อาการระดับรุนแรง คือมีการฉีกขาดของเส้นเอ็นข้อเท้ด้านนอกทั้งหมด เส้นเอ็นส่วนนี้มีจำนวน 3 เส้นด้วยกัน ทำหน้าที่ยึดเท้าช่วยในการทรงตัวใหห้มั่นคง อาการระดับนี้ จะปวดบวมมาก มีเลือดคั่ง ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด และพกผ่อนร่างกายไปยาวๆเลยทีเดียว

เกิดอาการปวดแล้วทำยังไง?

หากคุณเล่นกีฬาหรือใช้งานเครื่องออกกำลังกายแล้วมีอาการบาดเจ็บ เบื้องต้นควรรีบปฐมพยาบาลปประคบเย็นกันก่อน วางตรงจุดที่บาดเจ็บ เพื่อหยุดเลือกจากแผลฉีดขาดภายในเอาไว้ และลดความเสียกายของเนื้อเยื่อที่เท้า สามารถประคบได้นานจนเท้าในส่วนนั้นมีความรู้สึกชา ประมาณ 15-20 นาที

ทำซ้ำทุกๆ 3-4 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วัน ใช้ผ้าพันเอาไว้เพื่อยึดไม่ให้ข้อเท้ามีการเคลื่อนไหว และพยายามนอนยกเท้าให้สูงเข้าไว้ หากมีอาการปวดมาก ควรไปพบแพทย์

การรักษา

การรักษาอาการเจ็บปวดข้อเท้า มีตั้งแต่ระดับรุนแรง ต้องผ่าตัดเพื่อรักษา ไปจนถึงการบำบัด หรือการใช้ยา โดยในช่วงที่คุณมีอาการเจ็บปวด แนะนำให้ยกเลิกโปรแกรมการออกกำลังกายทั้งหมด เพื่อรักษาข้อเท้าของเราให้หยาดีเสียก่อน เพราะหากคุณฝืนร่างกาย การรักษาอาจจะกินเวลายาวนานหลายเดือนกว่าจะหาย หรือแย่ที่สุดคือ อาการหนักมากกว่าเดิม

อาการดีขึ้นแล้วออกกำลังกายเลยได้ไหม ?

หลังจากที่คุณได้รับการรักษาแล้ว มีอาการดีขึ้นมาแล้ว ก็สามารถเริ่มกลับมาออกกำลังกายได้ แต่… ควรมีการออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อก่อน เพราะในขณะที่เราบาดเจ็บ ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวมานาน อาจจะเกิดพังผืด

ในช่วงแรงการออกกำลังกาย จะต้องเลือกเครื่องออกกำลังกายที่ไม่มีแรงกระแทก อย่าพวกจักรยานออกกำลังกาย หรือลู่เดินวงรี เพื่อป้องกันการซ้ำเติมอาการเดิมค่ะ

เครื่องออกกำลังกายในบ้าน เผาผลาญพลังงานยามเย็น

การออกกำลังกาย เป็นหนทางแห่งการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม การหาเวลามาออกกำลังกายในทุกๆวัน อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับคนบางคน ที่ต้องทำงานตั้งแต่เช้า ลากยาวจนถึงดึกดื่น กลับถึงบ้านก็อยากจะนอนหลับพักผ่อนกันแล้วใช่ไหมล่ะ ?

ภาพจาก Digital Trends

ดังนั้นการมีเครื่องออกกำลังกายเอาไว้ในบ้าน ก็จะสะดวกขึ้นเยอะเลยทีเดียวค่ะ เพราะอย่างน้อย ไม่ต้องเดินทางไปฟิตเนส รถติดเสียเวลา ประมาณว่ากลับถึงบ้าน ก็ออกกำลังกาย อาบน้ำ นอนเลย หรือตื่นเช้าขึ้นมาอีกสักนิด ใช้เครื่องออกกำลังกายยามเช้าสัก 30 นาที ก็ช่วยสร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ให้กับวันใหม่ได้ดีเลยทีเดียว

เครื่องออกกำลังกายในบ้านเพิ่มอิสระในการดูแลสุขภาพ

การมีเครื่องออกกำลังกายในบ้าน เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด คุณสามารถเลืกอเวลาในการออกกำลังกาย ช่วงเวลาใดก็ได้ที่คุณสะดวก ลดขั้นตอนในการเดินทางไปออกกำลังกายนอกบ้านอีกด้วย

เครื่องออกกำลังกายลดความเครียด

ช่วงเวลาเย็น หลายคนจะชอบบอกว่า เหนื่อย เมื่อยล้า และเครียด ไม่อยากใช้งานเครื่องออกกำลังกายอะไรทั้งนั้นแหละ อยากจะนอนพักผ่อนมากกว่า

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การใช้เครื่องออกกำลังกาย จะเป็นตัวช่วยผ่อนคลายความเครียดให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะขณะที่เราออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา ทำให้ช่วยบรรเทาความเครียด และยามค่ำคืนนอนหลับได้อย่างสบาย ร่างกายและจิตใจพร้อมออกไปทำงานทุกวัน !

หรือคุณอาจจะเป็นคนที่ตื่นเช้าเป็นปกติ ก็ลุกขึ้นมาออกกำลังกายตอนเช้าสักหน่อย ประมาณ 20-30 นาที แล้วตอนเย็นค่อยมาเสริมเพิ่มอีก 30 นาที เพียงเท่านี้โดยรวมแล้วเราก็ได้ออกกำลังกายในแต่ละวันเกือบ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นข้อดีของการมีเครื่องออกกำลังกายไว้ใช้ภายในบ้าน ซึ่งหากคุณคิดว่าอยากจะเลือกเครื่องออกกำลังกายสักเครื่องมาใช้งาน ก็แนะนำให้เป็นพวก ลู่วิ่งไฟฟ้า จักรยานออกกำลังกาย หรือลู่เดินวงรี มาใช้งาน เพราะเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบคาดิโอ สามารถช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

พริก และ เครื่องออกกำลังกาย สองคู่ดูโอ้ ตัวช่วยลดความอ้วนที่แท้ทรู !

อาหารไทย บอกเลยว่าเลื่องลือไปถึงนานาชาติ ด้วยความอร่อย และรสชาติที่เผ็ดร้อนจัดจ้าน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาหารไหทยจึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก

องค์ประกอบของอาหารไทยที่มีรสเผ็ดจัดจ้านส่วนใหญ่ จะมีพริก เป็นส่วนผสม ซึ่งแน่นอนว่าคนไทยมีความเคยชินกับรสชาติความเผ็ดของพริกเป็นอย่างดี บางคนหากรับประทานอาหารโดยไม่ใส่พริก จะกลายเป็นอาหารไม่ถูกปากเลยทีเดียว

ภาพจาก Top Inspired

พริกมีประโยชน์มากกว่าความแซ่บ

พริกเป็นตัวชูรสชาติความแซ่บให้กับอาหาร แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่า พริกไม่ได้มีดีแค่เป็นตัวชูรสชาติ เพราะพริก สามารถช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักได้อีกด้วย แต่แน่นอนว่า การทานพริกอย่างเดียว อาจจะไม่เห็นผล 100% ดังนั้นต้องควบคู่ไปกับการเล่นกีฬา หรือการใช้งานเครื่องออกกำลังกายไปพร้อมกัน

ทำไมพริกถึงช่วยลดน้ำหนัก ?

ทั้งนี้เนื่องจากในพริกมีสาร Capsaicin ที่มีสรรพคุณช่วยในการเร่งระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ให้ทำงานได้ดีมากขึ้น มีรายงานการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารที่มีพริกเป็นส่วนผสม สามารถเพิ่มปริมาณการเผาผลาญพลังงานในระหว่างมื้อได้ถึง 200 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียวว !

อย่างไรก็ตาม การรับประทานเพียงแต่พริกอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ เนื่องจากในขณะที่มันสามารถช่วยในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานได้ แต่มันก็เป็นตัวที่ทำให้เรารู้สึกอร่อย และทานอาหารมากขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นจะต้องมีการจำกัดปริมาณของอาหารที่รับประทานแต่พอเหมาะ และความเผ็ดของพริก สามารถสร้างความระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดแผลได้ จึงต้องระวังสักนิดากจะคิดใส่พริกลงในอาหารเยอะๆ

พริก กับ เครื่องออกกำลังกาย

นอกจากจะรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว การออกกำลังกายเล่นกีฬา หรือใช้งานเครื่องออกกำลังกาย ประเภทต่างๆอย่างเหมาะสม จะสามารถช่วยให้ร่างกายของเราเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน หรือที่เราเรียกมันว่า “ไขมัน” ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หากคุณสามารถควบคุมทั้งการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายได้อย่างสมดุลและเหมาะสม เชื่อว่าคุณจะสามารถไปถึงเป้าหมายในการลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน ผู้เขียนเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ สู้ๆ !

“จักรยาน” ชนิดไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด

เชื่อว่าหลายคนกำลังคิดว่าแผน ที่จะเลือก “จักรยาน” สักคันมาใช้งาน ไม่ว่าจะเพื่อการออกกำลังกาย ปั่นแบบลุยๆไปตามภูเขา หรือการใช้งานในชีวิตประจำวัน ปั่นไปหน้าปากซอยซื้อของกินกลับบ้าน การเลือกจักรยานมาใช้งาน ก็จะแตกต่างกัน

ภาพจาก tempobicycles.com

แล้วจักรยานแบบไหนล่ะที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ดีมากที่สุด วันนี้ได้รวบรวมคำตอบทั้งหมดเอาไว้แล้วในบทความนี้ค่ะ เรามาเริ่มกันที่จักรยานคันแรกกันเลย !

จักรยานเสือภูเขา (Mountain bikes)

จักรยานเสือภูเขา เป็นจักรยานยอดนิยมอย่างมากสำหรับกลุ่มคนที่ชอบการผจญภัย เหมาะสำหรับการขี่ไปในภูมิประเทศขรุขระ ท่ามกลางธรรมชาติ โครงสร้างของจักรยานเสือภูเขา จะดูแข็งแกร่ง มีล้อขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้จักรยานสามารถเกาะกับพื้นได้ดี

จักรยานเสือภูเขา LA CLIFF 2.0 15" BK/OR	จักรยานเสือภูเขา 360 ONGSAFITNESS ATX-426-1	จักรยานเสือภูเขา LA CLIFF 2.0 17" BK/OR

จักรยานเสือภูเขาที่มีอัตราทดต่ำ เหมาะกับการไต่เส้นทางที่ขรุขระ หรือเป็นเนินสูงต่ำตลอดเวลา โดยที่ล้อหน้าจะมีระบบกันล้อสะเทือนเป็นมตราฐาน ในขณะที่บางแบบอาจจะมีระบบกันสะเทือนที่ล้อหลังเพิ่มเติมเข้ามาด้วย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้งาน และความชำนาญของผู้ใช้จ้า

จักรยานเสือหมอบ (Road bikes)

จักรยานเสือหมอบ เป็นจักรยานที่ออกแบบมาสำหรับขี่บนถนน ที่ปรับสภาพแล้ว อย่างถนนคอนกรีต ถนนลาดยาง ที่มีความเรียบ ไม่ขรุขระ จักรยานเสือหมอบจะสามารถทำความเร็วได้สูง ยางมีขนาดเล็กและแคบ เป็นหลักมิลลิเมตรเลยทีเดียว เช่น 23 มิลลิเมตรหรือ 25 มิลลิเมตร แฮนด์ของจักรยานเสือหมอบ จะมีความโค้งลงด้านล่าง เพื่อให้นักปั่นจักรยานก้มตัวลงเพื่อลดแรงต้านของอากาศ

จักรยานเสือหมอบ LA CHASER 2.0 460mmBK/RD	จักรยานเสือหมอบ LA CHASER 1.0 430mmBK/GR	จักรยานเสือหมอบ LA PODIUM-ST/FK 430mm

จักรยานไฮบริท (Hybrid bikes)

จักรยานไฮบริท เป็นจักรยานลูกผสม ระหว่างเสื้อภูเขาและเสือหมอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานอย่างละนิดละหน่อยสลับไปมา ไม่แน่นอนว่าจะไปทางไหนดี จะไปทางลุยภูเขาก็ไม่สุด จะไปทางปั่นตามท้องถนนก็ไม่บ่อย จักรยานไฮบริทนี่แหละ คือคำตอบที่เหมาะสำหรับคุณ

จักรยานไฮบริด LA MIXITY3.0 17" Pink	จักรยานไฮบริด LA MIXITY3.0 15" Pink

จักรยานไฮบริท มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางล้อเท่ากับของจักรยานเสือหมอบ และมีอัตราทดเกียร์สูงกว่าของจักรยานเสือภูเขา จึงเหมาะสำหรับการเดินทางระหว่างบ้านและที่ทำงาน หรือการเดินทางที่ต้องการความเร็วเมื่ออยู่บนถนน

จักรยานเด็ก (Kids' bikes)

จักรยานเด็ก สำหรับเจ้าตัวเล็กวัยซน ขนาดจะเล็กมากกว่าจักรยานสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อให้เด็กสามารถคร่อมบนจักรยานได้ง่าย บางรุ่นมีล้อเล็กเสริมเพื่อช่วยเรื่องของการทรงตัว ป้องกันในเรื่องของอุบัติเหตุในการขับขี่ เหมาะสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มต้นหัดขี่จ้า

จักรยานเด็ก LA Buddyfight 12" Red/Blue	จักรยานเด็ก LA Angry birds Sport 16"Green	จักรยานเด็ก LA Buddyfight 16" Blue/Red

จักรยานแม่บ้าน

ในกรณีคุณแม่ปั่นจักรยานไปจ่ายตลาดหน้าปากซอย แนะนำให้เลือกจักรยานแม่บ้านสักคันไว้ใช้งาน โดยลักษณะเด่นของจักรยานแม่บ้าน จะมีตะกร้าสำหรับใส่ของที่ด้านหน้า และด้านท้ายจะมีที่นั่งซ้อนสำหรับคนร่วมทาง จักรยานแม่บ้านช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมาก ในการเดินทางระยะใกล้ จากบ้านไปปากซอย ไม่แนะนำให้ออกตามท้องถนน เพราะทำความเร็วได้ไม่มากเท่าไหร่ และอาจจะเกิดอันตรายได้ค่ะ

จักรยานแม่บ้าน LA E-Sporty 24" Red	จักรยานแม่บ้าน LA Dawn City 1.0 24"White	จักรยานแม่บ้าน LA Dawn City 2.0 24" สีชมพู

จักรยานพับ

หากใครที่ต้องการจักรยานที่ยืดหยุ่น พกพาสะดวก หิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ก็จัดไปเลยค่ะกับจักรยานแบบพับได้ พับเก็บใส่หลังรถได้แบบสบายๆ ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด แต่สมรรถนะไม่แพ้จักรยานประเภทอื่นๆเลย

จักรยานพับ LA 7SP JOY 2.0 20"dark blue	จักรยานพับ LA 201STAGE 16" Green	จักรยานพับได้ 20 นิ้ว รุ่น KP-2001TSP21FD-สีฟ้า

จักรยานออกกำลังกาย

สำหรับคนที่ไม่ชอบออกไปปั่นจักรยานนอกบ้าน หรือไม่ค่อยมีเวลาที่จะไปปั่นออกกำลังกายช่วงวันเสาร์อาทิตย์ แนะนำให้เลือกเป็นจักรยานออกกำลังกาย มาใช้งานกันเลยที่บ้าน อำนวยความสะดวกในการออกกำลังกายในทุกๆวัน คุณสามารถเลือกเวลาในการออกกำลังกายได้อย่างที่ต้องการ

จักรยาน 360 องศาฟิตเนส JTS615-1	จักรยาน 360 องศาฟิตเนส SB-909	จักรยานนั่งเอน 360 องศาฟิตเนส K8716R